Health

  • น้ำลายเหนียว มีสาเหตุ และการรักษาอย่างไร
    น้ำลายเหนียว มีสาเหตุ และการรักษาอย่างไร

    น้ำลายเหนียว เกิดจากปริมาณน้ำลายไม่เพียงพอในการหล่อเลี้ยงในช่องปาก น้ำลายคือส่วนประกอบสำคัญในช่องปากที่คอยบ่งบอกถึงความผิดปกติได้เป็นอย่างดี สามารถรักษาอาการน้ำลายเหนียวเบื้องต้นเองได้ แต่หากพบว่าน้ำลายในช่องปากมีความผิดปกติควรเข้ารับการรักษาเพื่อหาสาเหตุและรักษาอาการ

    น้ำลายเหนียว เกิดจากอะไร

    น้ำลายเหนียวเป็นอาการที่เกิดได้จากหลายสาเหตุ แต่สาเหตุที่พบได้บ่อยมักเกิดจากอาการปากแห้งหรือน้ำลายน้อย อาการน้ำลายเหนียวอาจทำให้เกิดอาการอื่นๆ เช่น รู้สึกกระหายน้ำ และกลืนอาหารลำบาก ซึ่งอาจส่งผลต่อชีวิตประจำวันได้

    น้ำลายเป็นสารคัดหลั่งที่มีหลากหลายหน้าที่ เช่น รักษาความชุ่มชื่นภายในช่องปาก ช่วยย่อยอาหารบางประเภทก่อนเข้าสู่ลำไส้ เพิ่มการรับรู้รสชาติอาหาร และช่วยดักจับเชื้อโรคบางชนิด เมื่อน้ำลายเหนียวข้นขึ้นอาจทำให้เกิดอาการบางอย่างหรืออาจเป็นสัญญาณของการเจ็บป่วยได้ บทความนี้ได้รวบรวมสาเหตุของอาการน้ำลายเหนียวและวิธีแก้ไข้เบื้องต้นมาฝากกัน

    ความสำคัญของน้ำลาย

    น้ำลายมีส่วนประกอบของน้ำถึง 98% อีกอีกส่วนที่เหลือ จะประกอบไปด้วย อิเล็กโทรไลต์ เมือก สารยับยั้งแบคทีเรีย เอนไซม์ชนิดต่างๆ โดยหน้าที่หลักๆ ของน้ำลายคือการย่อยแป้งที่อยู่ในอาหาร เป็นหนึ่งในกระบวนการย่อยอาหาร คอยชะล้างเศษอาหารในช่องปากลดการเน่าเสียจากแบคทีเรีย แถมยังคอยปกป้อง ฟัน ลิ้น และเนื้อเยื่ออ่อนบางส่วนภายในช่องปากอีกด้วย

    เห็นไหมว่าน้ำลายมีหน้าที่สำคัญมากๆ ในช่องปากไม่แพ้สิ่งต่างๆ เลย เพราะเหตุนี้เอง น้ำลายจึงสามารถบอกได้ด้วยว่าคุณกำลังเป็นโรคอะไรหรือไม่ เพราะเหตุนี้เองจึงควนสังเกตให้ดี อย่าละเลยปล่อยให้สัญญาณที่เกิดขึ้นเหล่านี้ ไม่มีค่าอันใด โดยลักษณะน้ำลายรูปแบบต่างๆ ที่ควรระวัง หากเป็นควรรีบเข้าพบแพทย์เพื่อตรวจสอบโดยเร็ว ซึ่งลักษณะต่างๆ ของน้ำลายมีดังต่อไปนี้

    ลักษณะน้ำลายบ่งบอกโรคอะไรได้บ้าง

    • มีน้ำลายในปากมากเกินไปจนผิดปกติ

    ผู้ที่มีน้ำลายในช่องปากมากเกินไปแบบผิดปกติที่ควรจะเป็นเท่าที่รู้สึกได้ พร้อมตามมาด้วยอาการระคายคอ มีเสมหะ รู้สึกมีรสเปรี้ยวกลืนลำบาก หรือมีรสขมของน้ำดี เรอบ่อย แถมด้วยการมีกลิ่นปาก นั่นหมายความว่าคุณกำลังเป็นโรคกรดไหลย้อน

    • น้ำลายแห้ง

    อาการของน้ำลายแห้งนั้น เกิดจากการที่น้ำลายไม่สามารถไหลผ่านท่อน้ำลายได้อย่างสะดวก อาการแบบนี้มักเกิดขึ้นบ่อยในส่วนของต่อมน้ำลายใต้ขากรรไกร อาจจะมีอาการปวดและบวมใต้คางร่วมด้วย ซึ่งจะเป็นๆ หายๆ มักจะมีอาการในเวลาที่รับประทานอาหาร ซึ่งบ่องบอกว่าคุณกำลังเป็นนิ่วต่อมน้ำลายนั่นเอง

    • น้ำลายไหลในขณะนอนหลับ

    ต้องบอกเลยว่าหลายๆ คนคงเคยประสบเหตุการณ์ที่ตื่นมาแล้วน้ำลายไหลออกมาเปียกหมอนเป็นจำนวนมาก แต่คงคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นได้ แต่จริงๆแล้วอาการดังกล่าวนี้อาจจะส่งผลเชื่อโยงกับหลายๆ โรคเช่น โรคทอนซิล โรคเหงือกและฟัน โรคที่ต่อมน้ำลาย รวมถึงไซนัส อีกด้วย

    • น้ำลายเหนียว

    เชื่อว่าหลายๆ คนที่มีอาการน้ำลายเหนียว จะคิดว่าสงสัยเป็นเพราะพูดมาก ไม่ได้กินน้ำ แต่แท้ที่จริงแล้วอาการของน้ำลายเหนียวเกิดจากปริมาณน้ำลายไม่เพียงพอในการหล่อเลี้ยงในช่องปาก ซึ่งผลที่ตามมาก็คือ ฟันผุ เนื่องจากว่าน้ำลายถือว่ามีความสำคัญมากในการเป็นตัวกลางช่วยลดการยึดเกาะและการเจริญเติบโตของแบคทีเรียกับผิวเคลือบฟัน

    ทั้งหมดนี้ก็คือวิธีการตรวจเช็คคร่าวๆ ถึงความผิดปกติที่ส่งผลต่อระบบการทำงานของน้ำลาย ซึ่งไม่ว่าคุณจะดูแลสุขภาพช่องปากดี หรือตรวจสอบความผิดปกติในช่องปากตลอดเวลา แต่อย่าละเลยการตรวจความผิดปกติของน้ำลาย ในเมื่อได้ทราบแบบนี้แล้ว หากพบว่าน้ำลายในช่องปากมีความผิดปกติตามข้อใด ควรเข้ารับการรักษา ก่อนที่อาการจะเป็นไปมากจนยากจะแก้ไขได้ แต่ถ้าหากเข้าพบแพทย์แล้ว ยังตรวจไม่พบโรคอะไรตามที่คาดหมายไว้ ยิ่งเป็นเรื่องที่ดี เพราะ คุณจะได้ทราบว่ามีสัญญาณเตือนแต่ยังไม่เกิดโรคเหล่านั้น จะได้เกิดการยับยั้งหาวิธีแก้ไข และระวังตัวเองได้ ก่อนที่โรคร้ายๆ เหล่านั้นจะเกิดขึ้นก็ถือว่าเป็นผลดีอย่างยิ่ง

    แต่ทางที่ดีที่สุดคือคุณควรยับยั้งโรคต่างๆ ไม่ให้เกิดขึ้น ด้วยการแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงที่อยากคอยย้ำว่า ควรพบทันตแพทย์ทุก 6 เดือน เป็นอย่างน้อย เพื่อที่ว่าเผื่อคุณเป็นโรคอะไรจะได้รักษาได้ก่อนที่จะเป็นไปมากกว่าเดิม

    น้ำลายเหนียว

    สาเหตุการเกิดน้ำลายเหนียว

    สาเหตุและปัจจัยต่อไปนี้อาจทำให้เกิดอาการน้ำลายเหนียวโดยตรง หรืออาจทำให้เกิดอาการช่องปากแห้งที่ส่งผลให้เกิดได้เช่นกัน

    1. ภาวะขาดน้ำ

    ภาวะขาดน้ำ (Dehydration) เป็นผลมาจากระดับของเหลวภายในร่างกายต่ำกว่าปกติ ส่งผลให้เกิดความผิดปกติ อย่างปากแห้ง น้ำลายเหนียว กระหายน้ำ อ่อนเพลีย และเวียนศีรษะได้ หากขาดน้ำรุนแรงก็อาจเป็นอันตรายร้ายแรงได้ อาการขาดน้ำอาจเกิดจากการดื่มน้ำไม่เพียงพอ การออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมที่เสียเหงื่อมาก รวมทั้งการเจ็บป่วยที่ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำ อย่างอาเจียนหรือท้องร่วง โดยผู้ที่อาจเสี่ยงต่ออาการน้ำลายเหนียวจากการขาดน้ำอาจเป็นคนในกลุ่มของนักกีฬา ผู้ที่ทำงานกลางแจ้ง ผู้ป่วย เด็กเล็ก และผู้สูงอายุ

    2. เสมหะในคอ

    อาการเสมหะในคอ (Postnasal Drip) มักเกิดจากความผิดปกติภายในระบบทางเดินหายใจ เช่น โรคหวัด ไข้หวัดใหญ่ โรคภูมิแพ้จมูกอักเสบ โรคไซนัสอักเสบ หรือการได้รับสารระคายเคืองบางอย่างผ่านทางจมูกและลำคอ ซึ่งอาการเหล่านี้มักส่งผลให้ร่างกายผลิตน้ำมูกและเสมหะมากขึ้นเพื่อดักจับสารก่อภูมิแพ้ สารก่อระคายเคือง เชื้อโรค หรือเป็นผลจากกลไกร่างกายในการกำจัดการติดเชื้อ

    เมื่อน้ำมูกถูกผลิตมากขึ้นก็อาจไหลลงสู่ลำคอและช่องปากผ่านท่อที่เชื่อมต่อกัน ทำให้น้ำมูกไหลรวมกับเสมหะและน้ำลายทำให้รู้สึกว่าน้ำลายเหนียวข้นขึ้น อาการที่มักพบร่วมกันเมื่อมีเสมหะในลำคอ เช่น ไอ จาม น้ำมูกไหล คันจมูก หากเจ็บป่วยจากการติดเชื้อ อย่างโรคหวัด ไข้หวัดใหญ่ หรือโรคไซนัสอักเสบก็อาจมีไข้ ปวดศีรษะ หรือปวดเมื่อยตามร่างกายร่วมด้วย

    ปัจจัยอื่นๆ อย่างการสูดดมสารเคมี ฝุ่นควัน อยู่ในพื้นที่หนาวเย็น และการรับประทานอาหารที่มีรสเผ็ดร้อนก็อาจทำให้เกิดเสมหะในลำคอและอาการน้ำลายเหนียวตามมาได้เช่นเดียวกัน

    3. ผลข้างเคียงจากยาบางชนิด

    อาการปากแห้งและน้ำลายเหนียวอาจเป็นผลข้างเคียงจากการใช้ยาบางชนิด เช่น ยาแก้หวัดลดน้ำมูก ยาแก้แพ้ ยาคลายเครียด ยาต้านเศร้า ยารักษาภาวะความดันโลหิต ยาแก้ปวด ยาคลายกล้ามเนื้อ ยาเคมีบำบัดที่ใช้รักษาโรคมะเร็ง ซึ่งผลข้างเคียงจากยาอาจพบระหว่างการใช้ยาหรือหลังจากใช้ยาช่วงหนึ่ง โดยส่วนใหญ่ผลข้างเคียงจากการใช้ยาเหล่านี้มักไม่อันตราย เพราะแพทย์มักพิจารณาถึงความปลอดภัยก่อนสั่งจ่ายยาให้ผู้ป่วยอยู่แล้ว

    4. ปัญหาเกี่ยวกับต่อมน้ำลาย

    โรคและภาวะสุขภาพบางอย่างอาจส่งผลต่อการทำงานของต่อมน้ำลายและการผลิตน้ำลายได้โดยตรง เช่น กลุ่มอาการปากแห้งเรื้อรัง เนื่องจากต่อมน้ำลายไม่สามารถผลิตน้ำลายได้อย่างเพียงพอ หรือโรคต่อมน้ำลายอุดตันจากหินปูนในท่อน้ำลาย โดยโรคหรืออาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพอื่นได้อีกด้วย เช่น โรคมะเร็ง และกลุ่มอาการโจเกรน (Sjogren’s Syndrome)

    5. ผลจากการเข้ารับรังสีรักษา

    รังสีรักษา (Radaition) หรือการฉายแสงเป็นการรักษารูปแบบหนึ่งที่ใช้รังสีเพื่อกำจัดเซลล์ภายในร่างกาย ใช้ในการรักษามะเร็งและโรคบางชนิด การฉายแสงอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น ปากแห้ง น้ำลายเหนียวข้น แสบลิ้น หากเป็นการฉายแสงผ่านทางช่องปากและลำคอ อาการจากการฉายแสงมักรุนแรงกว่าสาเหตุอื่น โดยแพทย์จะแจ้งผลข้างเคียงก่อนการรักษาและแนะนำการดูแลตนเองอย่างเหมาะสมหลังการฉายแสง

    ภาวะสุขภาพอื่นๆ อาจทำให้น้ำลายเหนียวได้เหมือนกัน อย่างการตั้งครรภ์ และโรคซิสติกไฟโบรซิส (Cystic Fibrosis) ที่ร่างกายไม่สามารถผลิตของเหลวได้ตามปกติ ส่งผลให้เหนียวและข้น นอกจากนี้งานศึกษาชิ้นหนึ่งได้ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างภาวะทางอารมณ์กับการทำงานของต่อมน้ำลาย พบว่าภาวะอารมณ์ด้านลบ อย่างความวิตกกังวลและความเศร้า อาจส่งผลต่อการทำงานของต่อมน้ำลาย ทำให้ผลิตน้ำลายได้น้อยลงและเกิดอาการปากแห้ง จึงทำให้เกิดอาการน้ำลายเหนียวได้

    วิธีลดอาการน้ำลายเหนียว

    • ดื่มน้ำในปริมาณที่เหมาะสมกับช่วงวัยเพื่อช่วยให้ร่างกายทำงานได้ปกติและป้องกันการขาดน้ำ เช่น คนทั่วไปที่ไม่มีโรคประจำตัวควรดื่มน้ำ 8-10 แก้วต่อวัน โดยควรจิบน้ำบ่อยๆ แทนการดื่มในปริมาณมากในคราวเดียวเพื่อรักษาปริมาณน้ำลายในช่องปาก
    • งดสูบบุหรี่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มน้ำตาลสูง กาแฟ รวมไปถึงการใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีสารก่อการระคายเคือง
    • งดอาหารรสจัด เช่น เผ็ดจัด หวานจัด หรือเค็มจัด หรืออาหารที่เหนียว แข็ง แห้ง เคี้ยวยาก
    • รับประทานอาหารอ่อนหรืออาหารที่มีของเหลวเป็นส่วนประกอบ และเคี้ยวอาหารให้ละเอียดก่อนกลืน
    • แปรงฟันอย่างน้อย 2 ครั้งต่อวัน ร่วมกับการใช้ไหมขัดฟัน และรักษาความสะอาดช่องปากเสมอ
    • อมลูกอม ยาอม หรือเคี้ยวหมากฝรั่งที่ไม่มีน้ำตาลเพื่อกระตุ้นการทำงานของต่อมน้ำลาย
    • หากอาการเป็นผลจากยาที่ใช้ ควรปรึกษาแพทย์ถึงวิธีแก้ไข
    • ใช้น้ำลายเทียมเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำลาย

     

    ส่วนใหญ่อาการน้ำลายเหนียวมักไม่เป็นอันตราย และอาจเกิดขึ้นได้ชั่วครั้งชั่วคราวและหายไปได้เอง แต่หากพบอาการดังกล่าวเป็นประจำติดต่อกันนาน พบอาการอื่นร่วมด้วย หรืออาการรุนแรงจนส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจอย่างเหมาะสม เพราะอาการดังกล่าวอาจเป็นสัญญาณของการเจ็บป่วยได้

     

    เรื่องเกี่ยวกับสุขภาพอื่นๆ ที่น่าสนใจ

     

    ที่มาของบทความ

     

    ติดตามเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพได้ที่  xqparket.com

    สนับสนุนโดย  ufabet369

Economy

  • รายละเอียดกองทุนผู้สูงอายุ เปิดให้ ‘กู้เงิน’ ปลอดดอกเบี้ย
    รายละเอียดกองทุนผู้สูงอายุ เปิดให้ ‘กู้เงิน’ ปลอดดอกเบี้ย

    กองทุนผู้สูงอายุ พม. เร่งช่วยเหลือผู้สูงอายุประกอบอาชีพ เปิดให้ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปกู้ยืมเงินทุนรายบุคคล-รายกลุ่ม ปลอดดอกเบี้ย
    กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เดินหน้าดูแลช่วยเหลือผู้สูงอายุในการประกอบอาชีพ กองทุนผู้สูงอายุ กรมกิจการผู้สูงอายุ ได้เปิดให้ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป กู้ยืมเงินทุนประกอบอาชีพ รายบุคคลวงเงินไม่เกินคนละ 30,000 บาท รายกลุ่ม 5 คนขึ้นไปวงเงินไม่เกิน 100,000 บาท โดยไม่มีดอกเบี้ย เน้นย้ำการดูแลผู้สูงอายุผ่านกองทุนผู้สูงอายุ เป็นความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการดำเนินนโยบายด้านสวัสดิการผู้สูงอายุที่เป็นรูปธรรม เพื่อให้ผู้สูงอายุได้นำเงินกู้ปลอดดอกเบี้ยดังกล่าว มาเป็นเงินทุนหรือเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบธุรกิจ รวมถึงเป็นการหมุนเวียนสภาพคล่องทางการใช้จ่ายให้กับผู้สูงอายุ ทดแทนการเป็นหนี้นอกระบบ

    นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า ผู้ร่วมกู้จำนวนไม่น้อยกว่า 5 คน จะต้องมีผู้ค้ำประกัน การกู้ยืมทุกประเภทต้องชำระคืนเป็นรายงวด ภายในระยะเวลาไม่เกิน 3 ปี โดยไม่มีดอกเบี้ย

    คุณสมบัติของผู้กู้
    มีอายุ 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
    มีความจำเป็นขอรับการสนับสนุนเงินกู้ยืมประกอบอาชีพ
    มีความสามารถในการประกอบอาชีพ
    มีสภาพร่างกายแข็งแรงประกอบอาชีพได้
    มีปัจจัยในการสนับสนุนการประกอบอาชีพ
    มีสถานที่ประกอบอาชีพอยู่จังหวัดเดียวกันกับที่ยื่นขอกู้ยืม
    ไม่เป็นผู้ค้างชำระเงินกองทุนผู้สูงอายุ

    คุณสมบัติของผู้ค้ำประกัน คือ
    มีอายุไม่เกิน 59 ปีบริบูรณ์
    เป็นผู้มีรายได้หรือเงินเดือนประจำ
    มีภูมิลำเนาตามทะเบียนราษฎร์อยู่จังหวัดเดียวกันกับผู้กู้ยืม
    ไม่อยู่ระหว่างเป็นผู้กู้ยืม ไม่อยู่ระหว่างเป็นผู้ค้ำประกันให้กับบุคคลอื่นที่ขอกู้ยืม


    เอกสารประกอบการยื่นคำร้อง ได้แก่
    บัตรประจำตัวประชาชน (ผู้กู้-ผู้ค้ำ)
    ทะเบียนบ้าน (ผู้กู้-ผู้ค้ำ)
    หนังสือรับรองเงินเดือนผู้ค้ำประกัน ใบสำคัญการสมรส หรือใบสำคัญการหย่า (ถ้ามี) ใบมรณะบัตรกรณีคู่สมรสเสียชีวิต (ถ้ามี) ใบเปลี่ยนชื่อ สกุล (ถ้ามี)
    กรณีผู้ยื่นคำร้องมีอายุ 80 ปีขึ้นไป ควรมีใบรับรองแพทย์
    รูปถ่ายเต็มตัวขณะประกอบอาชีพ

    สามารถกู้ยืมเงินผ่านช่องทางออนไลน์เว็บไซต์กองทุนผู้สูงอายุผู้สูงอายุ olderfund.dop.go.th ผู้สูงอายุที่สนใจ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0 2354 6100 กองทุนผู้สูงอายุ (กรมกิจการผู้สูงอายุ) กรุงเทพมหานคร หรือต่างจังหวัด ที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด ทุกจังหวัด

    ทั้งนี้ ในการประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนผู้สูงอายุครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2566 มีผู้กู้ยืมเงินประกอบอาชีพที่ผ่านการอนุมัติ จำนวน 579 ราย และมีโครงการที่ขอรับการสนับสนุนผ่านการอนุมัติ จำนวน 8 โครงการ โดยกองทุนผู้สูงอายุจัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติผู้สูงอายุ พ.ศ. 2546 เพื่อเป็นทุนใช้จ่ายเกี่ยวกับการคุ้มครอง การส่งเสริม และการสนับสนุนผู้สูงอายุให้มีศักยภาพ ความมั่นคง และมีคุณภาพชีวิตที่ดี รวมทั้งสนับสนุนกิจกรรมขององค์กรที่ดำเนินงานเกี่ยวข้องกับการส่งเสริมสนับสนุนผู้สูงอายุให้มีความเข้มแข็งอย่างต่อเนื่อง

    ติดตามข่าวเศรษฐกิจได้ที่ xqparket.com